วันอังคารที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2558
สภาพผิวของเราเป็นแบบไหน
คุณมีผิวมัน ผิวแห้ง หรือผิวผสม? การเข้าใจความแตกต่างจะช่วยให้รู้วิธีการดูแลผิวของคุณ
ผิวโดยทั่วไปจำแนกเป็นหนึ่งในสี่ประเภทนี้คือ : ผิวปกติ มัน แห้งและผสม อย่างไรก็ตามสภาพผิวของคุณสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ตามอายุและปัจจัยอื่นๆเช่นยีนส์ หรือแม้แต่การเจ็บป่วย ก็ส่งผลกระทบได้
ผิวปกติ : เป็นผิวที่มีความสมดุลของความชุ่มชื้น รูขุมขนเล็ก และเป็นผิวที่หลายคนต้องการ คนส่วนใหญ่มีผิวแบบปกติ แต่เพื่อรักษาให้ผิวดูดีเสมอการใช้ครีมกันแดด ที่ SPF อย่างน้อย 30 ก็เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันริ้วรอยและความเสียหายอื่นๆจากแสงแดด และควรทาครีมจนเป็นกิจวัตร โดยไม่สนใจว่าวันนั้นจะอากาศหนาว หรือมีฝน
ผิวมัน : จะดูจากน้ำมันส่วนเกินบนใบหน้า ผิวประเภทนี้มักจะเป็นปัญหามากที่สุด เพราะไขมันจะผลิตออกมาเกินความจำเป็นทำให้ใบหน้ามัน รูขุมขนกว้าง เมื่อสัมผัสกับฝุ่นหรือละอองก็จะเกาะได้ง่ายและอาจเกิดการอุดตันได้
การดูแล : ควรบำรุงผิวโดยใช้โทนเนอร์ โลชั่น ซีรั่มเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิว ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ moisturizer และมีน้ำมันน้อย หลีกเลี่ยงความเครียดและการแคะเมื่อเป็นสิว ลดอาหารมันและหวาน งดดื่มเหล้าและสูบบุหรี่
ผิวผสม : เป็นผิวที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ เพราะจะมีความมันและรูขุมขนกว้างบนทีโซน และมีผิวแบบปกติหรือแห้งบริเวณแก้ม ทำให้เกิดการดูแลได้ยาก ปัญหาที่อาจจะพบคือการเป็นสิวบริเวณทีโซน
การดูแล : ดูแลผิวบริเวณทีโซนด้วยวิธีดูแลแบบผิวมัน ใช้ผลิตภัณฑ์กระชับรูขุมขนและควบคุมความมัน มาร์กหน้าส่วนทีโซนเพื่อขจัดความมัน และใช้มาร์กที่ให้ความชุ่มชื้นบริเวณแก้มเพื่อลดความแห้ง
ผิวแห้ง : เกิดจากต่อมไขมันผลิตไขมันตามธรรมชาติได้น้อย ทำให้ผิวขาดน้ำมันความชุ่มชื้น และผิวจะแห้งเป็นขุย เกิดริ้วรอยได้ง่ายและอาจจะทำให้รู้สึกแสบคันได้
การดูแล : ใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าสูตรอ่อนโยนเพื่อล้างเครื่องสำอางที่ตกค้างและเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ ใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับผิวแห้งและผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์เพื่อบำรุงผิวและเพิ่มความชุ่มชื่นให้แก่ผิว
ถ้าหากคุณยังคงไม่มั่นใจว่ามีสภาพผิวแบบใด ก็สามารถปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพิ่มเติม เพื่อการรักษาที่เหมาะสมต่อไป
วันศุกร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2558
แก้ปัญหาผิวแห้งด้วยวิธีธรรมชาติ
ผิวแห้งทำให้รู้สึกแย่แลดูไม่สวยงาม สำหรับทางออกที่ง่ายๆอยู่ใกล้กับห้องครัวของคุณพยายามใช้ตัวเลือกจากธรรมชาติ เพื่อทำให้ผิวแห้งกร้านกลับมาอีกครั้ง
ผิวแห้งไม่เพียงแค่รู้สึกหยาบเมื่อสัมผัส : มันมีผลกระทบต่อผิวคุณหลายอย่าง เมื่อใช้เครื่องสำอางกับใบหน้าหน้าก็จะทำให้เกิดรอยหยดๆด่างๆ ข่าวดีคือคุณยังไม่จำเป็นต้องมุ่งหน้าไปยังแพทย์ผิวหนังหรือได้รับใบสั่งยาเพื่อรักษาผิวแห้งของคุณ เพราะยังมีตัวเลือกอื่นในการรักษา โดยการใช้วิธีธรรมชาติเพิ่มเข้าไปกับการดูแลผิวที่ทำเป็นประจำทุกวัน และในความเป็นจริงแล้ว ส่วนผสมสำหรับการเยียวยาผิวแห้งเหล่านี้อาจจะอยู่ในครัวของคุณนั่นเอง
มีขวดหรือกระปุกนับไม่ถ้วนทั้งโลชั่น ครีม หรือ moisturizers ที่ให้เราได้เลือกใช้และดูแลผิวแต่การดูแลผิวด้วยธรรมชาติอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
น้ำมันตามธรรมชาติมีความบริสุทธิ์ ผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายทั่วไปไม่เพียงแต่จะมีส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้นแต่ยังมีหลายผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารกันบูด แอลกอฮอล์ หรือน้ำหอม เพื่อใช้ในเชิงพาณิชย์ ซึ่งสามารถทำให้เกิดการระคายเคืองอาการแพ้หรือการทำให้ผิวแห้งขึ้นได้
1.น้ำมันมะกอก :
มันสามารถเป็น cleanser และ moisturizer ที่ดีและมันจะไม่ดึงความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ ออกจากผิวของคุณ อีกทั้งยังช่วยให้ผิวสะอาดขึ้น
2.มาร์กหน้าด้วยอะโวคาโด :
มันช่วยปลอบประโลมผิวแห้ง ด้วยการนำอะโวคาโดครึ่งลูกผสมกับน้ำมันมะกอก 1ช้อนชา แล้วอาจจะเพิ่มน้ำผึ้งอีก 1 ช้อนโต๊ะสำหรับคนที่มีผิวแห้งมาก หลังจากนั้นนำไปมาร์กหน้าและทิ้งไว้ 15-20 นาที แล้วล้างออก ผิวของคุณจะรู้สึกชุ่มชื้นนุ่มนวลขึ้น
3.สครับผิวด้วยน้ำมันมะกอกผสมน้ำตาล :
สร้างการขัดผิวให้ชุ่มชื้นตามธรรมชาติ ด้วยการผสมน้ำมันมะกอกกับน้ำตาลด้วยอัตราส่วนของน้ำตาลครึ่งถ้วยต่อน้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ อาจจะเพิ่มน้ำมันหอมระเหยเช่นลาเวนเดอร์ เพื่อเพิ่มกลิ่นและช่วยในการผ่อนคลาย ค่อยๆขัดผิวของคุณแล้วล้างออก
4.แช่น้ำผสมข้าวโอ๊ตบด :
ผสมข้าวโอ๊ตบดในอ่างอาบน้ำ จะช่วยคงความชุ่มชื้นในผิวหลังการอาบน้ำได้
5.มาร์กหน้าด้วยข้าวโอ๊ตผสมน้ำผึ้ง :
ข้าวโอ๊ตช่วยในการผลัดเซลล์ผิว โดยให้ใช้ข้าวโอ๊ต 2 ช้อนโต๊ะผสมกับนมสด และน้ำผึ้งอีก 1 ช้อนโต๊ะจากนั้นคนให้ส่วนผสมทั้งสามเข้ากัน แล้วนำมาทาให้ทั่วใบหน้าและลำคอ ยกเว้นรอบดวงตาและริมฝีปาก เมื่อแห้งก็ให้ล้างออกได้
วิธีการหลีกเลี่ยงผิวแห้งกำเริบ
ใช้ครีมบำรุงผิวที่อุดมไปด้วยการปกป้องผิวจากผิวแห้ง ให้เป็นประจำทุกวันตั้งแต่หัวจรดเท้า หลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อนมากๆ เป็นเวลานานๆ นอกจากนี้คุณยังสามารถเพิ่มปริมาณการดื่มน้ำในแต่ละวัน เพื่อความชุ่มชื้นจากภายในสู่ภายนอก
ผิวแห้งไม่เพียงแค่รู้สึกหยาบเมื่อสัมผัส : มันมีผลกระทบต่อผิวคุณหลายอย่าง เมื่อใช้เครื่องสำอางกับใบหน้าหน้าก็จะทำให้เกิดรอยหยดๆด่างๆ ข่าวดีคือคุณยังไม่จำเป็นต้องมุ่งหน้าไปยังแพทย์ผิวหนังหรือได้รับใบสั่งยาเพื่อรักษาผิวแห้งของคุณ เพราะยังมีตัวเลือกอื่นในการรักษา โดยการใช้วิธีธรรมชาติเพิ่มเข้าไปกับการดูแลผิวที่ทำเป็นประจำทุกวัน และในความเป็นจริงแล้ว ส่วนผสมสำหรับการเยียวยาผิวแห้งเหล่านี้อาจจะอยู่ในครัวของคุณนั่นเอง
ทำไมการเยียวยาผิวทางธรรมชาติอาจจะดีกว่า
น้ำมันตามธรรมชาติมีความบริสุทธิ์ ผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายทั่วไปไม่เพียงแต่จะมีส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้นแต่ยังมีหลายผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารกันบูด แอลกอฮอล์ หรือน้ำหอม เพื่อใช้ในเชิงพาณิชย์ ซึ่งสามารถทำให้เกิดการระคายเคืองอาการแพ้หรือการทำให้ผิวแห้งขึ้นได้
ลองดูวิธีจากธรรมชาติเหล่านี้เพื่อการเยียวยาผิวแห้งของคุณ
มันสามารถเป็น cleanser และ moisturizer ที่ดีและมันจะไม่ดึงความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ ออกจากผิวของคุณ อีกทั้งยังช่วยให้ผิวสะอาดขึ้น
2.มาร์กหน้าด้วยอะโวคาโด :
3.สครับผิวด้วยน้ำมันมะกอกผสมน้ำตาล :
4.แช่น้ำผสมข้าวโอ๊ตบด :
5.มาร์กหน้าด้วยข้าวโอ๊ตผสมน้ำผึ้ง :
วิธีการหลีกเลี่ยงผิวแห้งกำเริบ
ใช้ครีมบำรุงผิวที่อุดมไปด้วยการปกป้องผิวจากผิวแห้ง ให้เป็นประจำทุกวันตั้งแต่หัวจรดเท้า หลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อนมากๆ เป็นเวลานานๆ นอกจากนี้คุณยังสามารถเพิ่มปริมาณการดื่มน้ำในแต่ละวัน เพื่อความชุ่มชื้นจากภายในสู่ภายนอก
วันอาทิตย์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2558
6 เป้าหมายการรับประทาน เพื่อสุขภาพ
การเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย สามารถสร้างความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ให้ร่างกายของคุณได้ ลองผสมอย่างน้อยหกถึงแปดวิธีข้างล่าง ลงในอาหารของคุณ
ทำให้จานของคุณครึ่งนึงมีผักหรือผลไม้ :
เลือกผักสีแดง,สีส้ม,และสีเขียวเข้ม เช่นมะเขือเทศ มันฝรั่งหรือผักหลากชนิด สำหรับมื้ออาหารของคุณเพิ่มผลไม้เป็นส่วนหนึ่งของอาหารจานหลัก เครื่องเคียง หรือของหวาน เพื่อเพิ่มความสวยงามและให้ร่างกายของคุณมีโอกาสที่จะได้รับวิตามิน แร่ธาตุและเส้นใยอาหารเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย
ผสมธัญพืช :
วิธีง่ายๆที่จะได้รับธัญพืชมากขึ้น คือการเปลี่ยนจากการทานอาหารขัดสี เป็นชนิดไม่ขัดแทน ตัวอย่างเช่นข้าวกล้อง แทนข้าวสารสีขาวหรือขนมปังโฮลวีท แทนขนมปังขาว เป็นต้น
เปลี่ยนเป็นการดื่มนมไม่มีไขมันหรือนมไขมันต่ำ :
นมทั้งสองชนิดมีปริมาณเท่ากัน ทั้งแคลเซียมและสารอาหารที่จำเป็นอื่นๆ เมื่อเทียบกับนมปกติ แต่นมเหล่านี้จะมีแคลอรี่ และไขมันอิ่มตัวน้อยลง
เลือกได้หลากหลายกับอาหารโปรตีนไขมันอิ่มตัวต่ำ :
ส่วนใหญ่จะได้จากเนื้อสัตว์ โปรตีนจากสัตว์มีสารอาหารอยู่มาก เช่น วิตามิน K, B12, และธาตุเหล็ก มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับคนที่กำลังลดน้ำหนัก ลดความอ้วน การรับประทานอาหารจำพวกโปรตีน ที่เหมาะสม จะช่วยให้คุณยังคงกล้ามเนื้อไว้ได้ หลังจากที่ไขมันลดลง อาหารโปรตีนไขมันต่ำที่ควรทานมีหลายชนิด เช่น ไข่,นม,ปลา,เนื้อไม่ติดมัน,สัตว์ปีก,อาหารทะเลและถั่ว เป็นต้น
เปรียบเทียบโซเดียมในอาหาร :
ควรหมั่นตรวจสอบฉลากข้างผลิตภัณฑ์ ต่างๆและเลือกสินค้าที่มีโซเดียมน้อยกว่า ไม่ว่าจะเป็นซุป,ขนมปัง หรืออาหารแช่แข็ง หาข้อความที่เขียนว่าโซเดียมต่ำ หรือไม่เติมเกลือ
กินอาหารทะเลบ้าง :
อาหารทะเลประกอบด้วย ปลา(เช่นปลาแซลมอน,ปลาทูน่า) และหอย(เช่นหอยแมลงภู่หรือหอยนางรม) อาหารทะเลมีโปรตีนเกลือแร่และโอเมก้า 3 ผู้ใหญ่ควรรับประทาน 28 กรัมต่อสัปดาห์ และเด็กสามารถรับประทานในปริมาณที่น้อยกว่าผู้ใหญ่เล็กน้อย
ทำให้จานของคุณครึ่งนึงมีผักหรือผลไม้ :
เลือกผักสีแดง,สีส้ม,และสีเขียวเข้ม เช่นมะเขือเทศ มันฝรั่งหรือผักหลากชนิด สำหรับมื้ออาหารของคุณเพิ่มผลไม้เป็นส่วนหนึ่งของอาหารจานหลัก เครื่องเคียง หรือของหวาน เพื่อเพิ่มความสวยงามและให้ร่างกายของคุณมีโอกาสที่จะได้รับวิตามิน แร่ธาตุและเส้นใยอาหารเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย
ผสมธัญพืช :
วิธีง่ายๆที่จะได้รับธัญพืชมากขึ้น คือการเปลี่ยนจากการทานอาหารขัดสี เป็นชนิดไม่ขัดแทน ตัวอย่างเช่นข้าวกล้อง แทนข้าวสารสีขาวหรือขนมปังโฮลวีท แทนขนมปังขาว เป็นต้น
เปลี่ยนเป็นการดื่มนมไม่มีไขมันหรือนมไขมันต่ำ :
นมทั้งสองชนิดมีปริมาณเท่ากัน ทั้งแคลเซียมและสารอาหารที่จำเป็นอื่นๆ เมื่อเทียบกับนมปกติ แต่นมเหล่านี้จะมีแคลอรี่ และไขมันอิ่มตัวน้อยลง
เลือกได้หลากหลายกับอาหารโปรตีนไขมันอิ่มตัวต่ำ :
ส่วนใหญ่จะได้จากเนื้อสัตว์ โปรตีนจากสัตว์มีสารอาหารอยู่มาก เช่น วิตามิน K, B12, และธาตุเหล็ก มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับคนที่กำลังลดน้ำหนัก ลดความอ้วน การรับประทานอาหารจำพวกโปรตีน ที่เหมาะสม จะช่วยให้คุณยังคงกล้ามเนื้อไว้ได้ หลังจากที่ไขมันลดลง อาหารโปรตีนไขมันต่ำที่ควรทานมีหลายชนิด เช่น ไข่,นม,ปลา,เนื้อไม่ติดมัน,สัตว์ปีก,อาหารทะเลและถั่ว เป็นต้น
เปรียบเทียบโซเดียมในอาหาร :
ควรหมั่นตรวจสอบฉลากข้างผลิตภัณฑ์ ต่างๆและเลือกสินค้าที่มีโซเดียมน้อยกว่า ไม่ว่าจะเป็นซุป,ขนมปัง หรืออาหารแช่แข็ง หาข้อความที่เขียนว่าโซเดียมต่ำ หรือไม่เติมเกลือ
กินอาหารทะเลบ้าง :
อาหารทะเลประกอบด้วย ปลา(เช่นปลาแซลมอน,ปลาทูน่า) และหอย(เช่นหอยแมลงภู่หรือหอยนางรม) อาหารทะเลมีโปรตีนเกลือแร่และโอเมก้า 3 ผู้ใหญ่ควรรับประทาน 28 กรัมต่อสัปดาห์ และเด็กสามารถรับประทานในปริมาณที่น้อยกว่าผู้ใหญ่เล็กน้อย
วันจันทร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2558
Gold Powder
มันคืออะไร
? : ส่องแสง เป็นองค์ประกอบสีเหลืองสว่างสดใสเป็นมันวาวสะดุดตา และเป็นแร่ที่ได้รับการยกย่องว่ามีราคาสูงที่สุดอย่างหนึ่งของโลก
คุณสมบัติของ_ทองคำ :
ทองคำมีความหนาแน่นสูง,นุ่มเงางาม
มีความความอ่อนและเหนียวจนสามารถตีให้บางพอที่จะโปร่งแสง ไม่เป็นพิษเป็นภัยทางชีวภาพ
ทั้งยังต้านการเกิดสนิมได้เป็นอย่างดี
ทองคำเป็นแร่ที่หายากและมีราคาสูง
มาอย่างต่อเนื่องยาวนาน
และมีการให้ความสำคัญกับการนำมาใช้ในเรื่องของความสวยความงาม ด้วยการนำมาใช้กับหลายๆส่วนของร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบริเวณใบหน้า และเชื่อว่าจะส่งผลดีต่อการต้านการเกิดริ้วรอยได้
ทองคำบริสุทธิ์ไม่ก่อให้เกิดอันตรายหรือส่งผลเสียต่อร่างกาย
การนำทองคำมาใช้จึงปลอดภัยไร้กังวล โดยได้มีการนำทองคำมาใช้ในผลิตภัณฑ์ด้านความงาม
และเครื่องสำอางกันอย่างแพร่หลาย แม้แต่การนำไปตกแต่งหรือผสมในอาหารก็ยังเป็นที่ยอมรับ
และมีหลายเมนูทั้งของหวานและเครื่องดื่ม ที่นำทองคำมาใช้ตกแต่ง
ทองคำถูกพบว่ามีส่วนในการช่วยต้านอนุมูลอิสระได้
และทางการแพทย์ได้มีการทดลองนำทองคำมาใช้
กับผู้ป่วยโรคเกาต์ซึ่งมีอาการปวดบวมตามข้อกระดูก ส่งผลให้เกิดกลไกในการต้านอาการอักเสบของข้อกระดูกในโรคเกาต์ได้ผลดีจึงเชื่อว่าด้วยคุณสมบัติเช่นนี้เอง
ทำให้ทองคำสามารถต้านอนุมูลอิสระของผิวหนังและยังช่วย
ต้านอาการอักเสบของผิวอันเกิดจากรังสียูวีในแสงแดด
ทำให้เพิ่มประโยชน์ในการดูแลผิวพรรณและการลดริ้วรอยแห่งวัย
วันเสาร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2558
PUMICE และผงถ่านจากภูเขาไฟ
แร่ PUMICE
เกิดจากการเย็นตัวของหินหลอมเหลวใต้พื้นโลก หรือลาวา ซึ่งเกิดจากการหลอมละลายหินและแร่ธาตุต่างๆ ด้วยความร้อน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ได้สสารต่างๆและแร่ธาตุอย่างมากมาย
คุณสมบัติของ PUMICE
มีคุณสมบัติดูดซับสารพิษ
ช่วยลดความมันของผิวหนังได้หมดจด
ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ
ลดริ้วรอย ฝ้า กระ รอยหมองคล้ำและจุดด่างดำ
ผงถ่านและดินเหนียวภูเขาไฟ
สบู่ล้างหน้าที่มีส่วนผสมของผงถ่านและดินเหนียวจากภูเขาไฟ
มีคุณสมบัติในการชำระล้างผิวได้อย่างสะอาดอ่อนโยน ด้วยประสิทธิภาพหลายอย่างจากคุณสมบัติพิเศษของผงถ่าน
เช่น
ประสิทธิภาพในการล้างสารพิษและดูดซับสิ่งสกปรกออกจากผิวหนัง เพื่อให้ผิวเปิดรับสารอาหารที่บำรุงได้อย่างเต็มที่
หรือคุณสมบัติที่มีผลต่อการต้านการอักเสบ
รวมถึงยังช่วยลดปริมาณไขมันส่วนเกินใต้ผิวหนังได้อีกด้วย
ดินเหนียวภูเขาไฟช่วยสามารถช่วยในการรักษาความชุ่มชื้นของผิวหนังได้เป็นอย่างดีนอกจากนั้นในดินเหนียวภูเขาไฟนี้
ยังมีแร่ธาตุต่างๆ ที่จะช่วยดูแลผิว จึงไม่ทำให้ผิวแห้งตึงหลังการใช้
วันศุกร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2558
วิธีการเก็บเครื่องสำอางและอุปกรณ์แต่งหน้าของคุณให้สะอาด
การดูแลความงามจริงๆเริ่มต้นที่การทำความสะอาดอุปกรณ์แต่งหน้าและแปรง หากคุณยังไม่เคยคิดเกี่ยวกับการดูแลรักษาความสะอาดของอุปกรณ์แต่งหน้า ไม่ว่าจะเป็นแป้ง อายไลน์เนอร์ รองพื้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งมาสคาร่าในกระเป๋าของคุณ บางทีคุณควรจะหันมาสนใจได้แล้ววันนี้ เพราะเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เหล่านี้ อาจจะกำลังเป็นแหล่งสะสมและเพาะพันธุ์แบคทีเรีย
เพื่อให้เครื่องสำอางของคุณปราศจากแบคทีเรียลองทำตามคำแนะนำดังนี้
การทำความสะอาด เมื่อคุณใช้แปรงเสร็จ ทำความสะอาดด้วยสบู่และน้ำร้อน จะขจัดแบคทีเรียและสิ่งสกปรกได้ การทำความสะอาดนอกจากจะทำให้แปรงสะอาดแล้ว ยังช่วยยืดอายุการใช้งานอีกด้วย
** พยายามอย่าใช้แปรงร่วมกับผู้อื่น เพราะเชื้อแบคทีเรียสามารถปนเปื้อนมาถึงคุณได้เช่นกัน
ป้องกันเป็นพิเศษสำหรับดวงตา
เพราะดวงตาเป็นส่วนที่บอบบางกว่าส่วนอื่น การใช้อุปกรณ์บริเวณนี้จึงควรสะอาดและใช้ให้ถูกวิธีผลิตภัณฑ์เหล่านี้เป็นเครื่องสำอางที่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ
อายไลน์เนอร์ : เช็ดดินสออายไลน์เนอร์ด้วยแอลกอฮอล์ มันจะสะอาดและแห้งเร็ว อย่าใช้อายไลน์เนอร์บริเวณท่อน้ำตา(มุมด้านในของดวงตา)
มาสคาร่า : การเลี่ยงมาสคาร่าเป็นก้อน เลอะเวลาปัด ให้เช็ดหรือปัดมาสคาร่าที่เกินออกจากแปรง ระหว่างปัดควรหมุนแปรงให้รอบ จะช่วยลดการเกาะเป็นก้อนได้ และไม่ควรปั๊มแปรงมาสคาร่าเข้าออกจากแท่งก่อนปัด เพราะเราจะได้แต่ลมเข้าไปทำให้เนื้อมาสคาร่าแห้งเร็วขึ้น
พยายามไม่ใช้มาสคาร่าร่วมกับผู้อื่น แต่ควรเปลี่ยนแปรงใหม่ทุก 3 เดือน เพราะแบคทีเรียเติบโตในหลอดได้
อายแชโดว์แบบครีมหรือผง : ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ควรได้รับการดูแลเป็นอย่างดีเช่นเดียวกับรองพื้นหรือลิปสติก และควรใช้แปรงช่วยแทนการใช้มือคุณสัมผัสอายแชโดว์โดยตรง
วันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2558
ไข่กับการคุมน้ำหนักอย่างได้ผล
หลายคนอาจจะไม่ชอบทานไข่ แต่ถ้านำมาปรุงเป็นเมนูหลากหลายแสนอร่อย คงทำให้ดูน่ารับประทานมากขึ้นได้ การรับประทานไข่นอกจากจะให้สารอาหารที่จำเป็นหลายอย่างแก่ร่างกายแล้ว ยังเป็นตัวช่วยสำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนัก ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย เพราะไข่ประกอบด้วยสารอาหารสำคัญ 7 อย่าง ดังนี้
โปรตีนเป็นส่วนประกอบของทุกๆเซลล์ในร่างกายเรา สามารถช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย ในไข่ 1 ฟองประกอบด้วยโปรตีนที่ช่วยเผาผลาญไขมันให้เป็นพลังงานโดยไม่ใช้แป้ง และยังช่วยให้น้ำหนักลดลงอีกด้วย
สามารถเสริมสร้างแคลเซียมและบำรุงกระดูกของร่างกายให้แข็งแรง นอกจากนี้วิตามินดีในไข่ ยังช่วยลดน้ำหนักและสร้างพลังงานได้
วิตามินบี 6 เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ จะทำงานกับเอนไซม์ในร่างกายกว่า 100 ชนิดในการสันดาป โปรตีน สามารถช่วยในการเพิ่มความเร็วในการเผาผลาญ และยังช่วยเรื่องของการนอนหลับได้อีกด้วย
ไข่ ถือเป็นแหล่งรวมบี 12 ที่ดีมาก เหมาะกับคนที่ไม่ชอบทานเนื้อ,อาหารเสริม มันช่วยบำรุงให้ระบบประสาทแข็งแรงบรรเทาอาการหงุดหงิดลดความเครียด ช่วยให้ร่างกายใช้ไขมัน โปรตีน และคาร์โบไฮเดรตได้อย่างเหมาะสม และมันยังเกี่ยวข้องกับการเผาผลาญในหลายเซลล์ของร่างกายของคุณ
ลิวซีน จัดอยู่ในกลุ่มกรดอะมิโนจำเป็น (essential amino acid) เนื่องจาก ร่างกายสร้างเองไม่ได้ ต้องได้รับจากการรับประทานอาหาร หน้าที่ของลิวซีน คือ ควบคุมความอยากอาหาร หากร่างกายได้รับลิวซีนจะทำให้รู้สึกอิ่ม ไม่อยากรับประทานอาหาร มันช่วยให้เกิดการสร้างโปรตีนของกล้ามเนื้อ จึงช่วยให้กล้ามเนื้อกระชับแข็งแรง ไม่เสื่อม ทั้งยังช่วยเร่งการทำงานของระบบเผาผลาญและให้พลังงานก่อนออกกำลังกายด้วย
โคลีน สามารถช่วยลดการสะสมตัวของคลอเลสเตอรอล ขจัดสารพิษในร่างกายโดยการเสริมการทำงานของตับ ช่วยในการป้องกันไขมันอุดตันในหลอดเลือดและโรคหลอดเลือดหัวใจ
มันช่วยในการเผาผลาญไขมัน ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง มีความยืดหยุดและส่งผลดีต่อระบบหัวใจ และถึงไข่จะมีไขมันอิ่มตัวแต่ก็เป็นชนิดที่ดี
ถ้าคุณคิดเรื่องการลดน้ำหนัก แต่ยังคิดเมนูไม่ออก ก็ลองให้ไข่เป็นทางเลือกที่ดีอีกหนึ่งทาง ทั้งช่วยลดน้ำหนักอย่างมีประสิทธิภาพและให้ประโยชน์แก่ร่างกายสารพัดอย่างอีกด้วย
สามารถเสริมสร้างแคลเซียมและบำรุงกระดูกของร่างกายให้แข็งแรง นอกจากนี้วิตามินดีในไข่ ยังช่วยลดน้ำหนักและสร้างพลังงานได้
วิตามินบี 6 เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ จะทำงานกับเอนไซม์ในร่างกายกว่า 100 ชนิดในการสันดาป โปรตีน สามารถช่วยในการเพิ่มความเร็วในการเผาผลาญ และยังช่วยเรื่องของการนอนหลับได้อีกด้วย
ถ้าคุณคิดเรื่องการลดน้ำหนัก แต่ยังคิดเมนูไม่ออก ก็ลองให้ไข่เป็นทางเลือกที่ดีอีกหนึ่งทาง ทั้งช่วยลดน้ำหนักอย่างมีประสิทธิภาพและให้ประโยชน์แก่ร่างกายสารพัดอย่างอีกด้วย
วันศุกร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2558
ความเครียดส่งผลต่อผิวคุณอย่างไร
ความเครียดเป็นเรื่องที่อาจเกิดขึ้นได้ในชีวิตประจำวัน ทั้งจากการต้องทำตามกำหนดเวลา ความกดดันจากงาน ธุระต่างๆที่มากเกินกำลัง และอื่นๆ ความเครียดจากสาเหตุต่างๆเหล่านี้ ล้วนส่งผลกระทบต่อผิวของคุณ
ความสามารถในการจัดการกับความเครียดช่วยทำให้ชีวิตของคุณมีความสุข ปล่อยความคิดสร้างสรรค์ของคุณเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ในการจัดการกับความเครียดเหล่านั้น
อย่างไรก็ตาม ความเครียดที่มีมากเกินไปสามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพ ซึ่งบ่อยครั้งก็มักแสดงให้เห็น ได้ชัดเจนผ่านทางผิวหนังของเรา
เมื่อเกิดความเครียดร่างกายจะหลั่ง ฮอร์โมนคอร์ติโซนมามาก ซึ่งทำให้เกิดความมันบนผิวหนังมาก ทำให้เกิดสิว และปัญหาอื่นๆอันเนื่องมาจากความมัน
ความเครียดจะทำให้เกิดการหดตัวของหลอดเลือด ทำให้ระบบไหลเวียนโลหิต เป็นไปได้ไม่ดี เลือดจึงไปเลี้ยงผิวหนังลดลง ทำให้เกิดผิวแห้งลอกและมีแนวโน้ม ที่จะเกิดความระคายเคืองต่อผิวได้
ในช่วงเวลาที่เกิดความเครียด ร่างกายคุณจะมีการหายใจเร็วและถี่ขึ้น ซึ่งจะลดปริมาณออกซิเจน ที่ไปหล่อเลี้ยงผิวหนัง หากความเครียดเกิดติดต่อกันเป็นเวลานาน คุณจะพบว่าผิวหนังของคุณซีดขาว ขาดความชุ่มชื้น
ความเครียดยังมีผลทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกาย ลดต่ำลง ส่งผลให้เกิดโรคได้ง่าย เช่นอาการแผลหายช้า หรือมะเร็งผิวหนังสูงขึ้น
บางรายเมื่อเกิดความเครียดมากๆ จะมีการแสดงอาการ การกัดเล็บบ่อยๆ จึงทำให้เกิดรอยย่นของใบหน้าได้ง่าย
ความเครียดส่งผลต่อการนอน ทำให้นอนหลับยากขึ้น จึงส่งผลกระทบต่อผิวด้วย
แม้ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่เราจะไม่เกิดความเครียดเลย แต่ก็มีเทคนิคที่ทำให้เรารับมือกับความเครียดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตรวจเช็คเวลาสำหรับตัวเอง เพียงแค่ใช้เวลา 1 ชม.ต่อวัน เพื่อที่จะอาบน้ำล้างหน้า อ่านหนังสือ หรือการไปเดินเล่น จะช่วยลดระดับความเครียดได้
เรียนรู้ที่จะพูดว่า 'ไม่' ถ้าคุณไม่จำเป็นต้องทำมัน
ใส่ใจมื้ออาหารของคุณ ให้ประกอบด้วยผักผลไม้สด และอาหารไขมันต่ำ ที่มีเส้นใยสูง เพื่อให้แน่ใจว่าคุณได้รับสารอาหารเพียงพอ
นอนหลับให้เพียงพอ แต่ไม่ควรมากเกินไป เพราะจะทำให้คุณรู้สึกเพลียในยามเช้า
การออกกำลังกายช่วยทำให้สมองของคุณปลอดโปร่ง และสร้างฮอร์โมนที่หลั่ง สารที่ทำให้รู้สึกดีอย่างเอ็นโดรฟิน นอกจากนี้ยังเพิ่มการไหลเวียนโลหิต ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผิวของคุณอีกด้วย
บางครั้งอาจจะปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญร่วมด้วยก็ได้ เพื่อได้เล่าถึงสิ่งที่ทำให้คุณหนักใจ และได้ปรึกษาหาทางออกและวิธีแก้ไขที่ดีต่อไป
วันพุธที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2558
5 วิธีการแพ็คหน้าต้านริ้วรอย ที่ทำได้เองที่บ้าน
ริ้วรอยโดยทั่วไปเกิดขึ้นเนื่องจากอายุที่เพิ่มขึ้นและการสัมผัสแสงแดด การแพ็คหน้าคือการฟื้นฟูหน้าแบบเร่งด่วนที่ได้ผลดีเยี่ยม จนเห็นผลได้ชัด ลองแพ็คหน้าด้วยวิธีเหล่านี้ ที่ทำได้เองที่บ้าน ทั้งง่ายและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะกับเรื่องริ้วรอย
ไข่ขาวและน้ำมะนาวแพ็คหน้า
ขั้นตอนการทำ:
นำไข่แดงออกและตีไข่ขาวแล้วเติมน้ำมะนาว 1 ช้อนชา
ใช้ส้อมตีไข่ขาวและน้ำมะนาวให้เข้ากัน
แล้วใช้นิ้วทาลงบนใบหน้า
ทิ้งไว้ให้แห้ง 15-20 นาที
ล้างออกหรือเช็ดด้วยผ้าชุบน้ำอุ่น
ทำทุกวันเพื่อป้องกันสัญญาณของริ้วรอย
แครอทและน้ำมันอัลมอนด์แพ็คหน้า
ขั้นตอนการทำ:
ปลอกเปลือกแครอทและต้มจนกว่าจะนุ่มบดแครอท
เพิ่มน้ำมันอัลมอนด์ 1 ช้อนชา และคนให้เข้ากัน
แช่เย็นส่วนผสมที่เสร็จแล้ว ทิ้งไว้ประมาณ 1 ชม.
ใช้ทาบริเวณแก้ม รอบดวงตา และคางของคุณ
สามารถทิ้งไว้ประมาณ ครึ่ง ชม.แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น
ใช้ซ้ำสามวันต่อสัปดาห์เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน
แตงกวาแพ็คใบหน้า
ขั้นตอนการทำ:
ปอกเปลือกแตงกวาประมาณครึ่งลูกใส่ไข่ขาวในแตงกวาขูด
เพิ่มน้ำมะนาว 1 ช้อนชาและผสมให้เข้ากัน
ทาบนผิวคุณและทิ้งไว้ให้แห้ง
รอประมาณ 15-20 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น
สามารถทำได้ทุกวัน
มะละกอแพ็คหน้า
ขั้นตอนการทำ:
ตัดแบ่งมะละกอสุกจำนวนหนึ่งนำมาบดแล้วทาบนใบหน้าทิ้งไว้
รอให้แห้งประมาณ 15 นาที
แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น
ควรใช้สองครั้งต่อสัปดาห์เพื่อการลดริ้วรอย
แอปเปิลแพ็คหน้า
ขั้นตอนการทำ:
ต้มแอปเปิลทิ้งไว้พอประมาณเมื่อแอปเปิลเย็น เอาเมล็ดออกและนำแอปเปิลมาบด
เติมน้ำผึ้งและนมผง 1 ช้อนชา
ทาใบหน้าของคุณทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที
ล้างออกด้วยน้ำเย็น
ใช้สามครั้งต่อสัปดาห์
วันจันทร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2558
ต่อสู้ริ้วรอยด้วยอาหาร
เครื่องสำอางช่วยปิดบังความหมองคล้ำได้ แต่หากคุณกำลังวิเคราะห์ถึงปัญหาความหมองคล้ำ,แห้งและมีริ้วรอยของผิว ในฤดูหนาว คุณไม่ได้เป็นคนเดียวที่เกิดปัญหานี้ นี่คืออาหารที่ช่วยหลีกเลี่ยงและช่วยคงความอ่อนเยาว์ให้ผิวของคุณ
รักษาผิวของคุณ ให้ดูชุ่มชื้น จากวิธีที่ดีที่สุดอีกวิธีหนึ่งเพื่อป้องกันริ้วรอยและผิวแห้ง ด้วยไขมันโอเมก้า3,6,9 ซึ่งพบว่ามันเป็นไขมันที่ดีต่อสุขภาพและมีความสำคัญ เพราะพวกมันเป็นส่วนหนึ่งของผนังเซลล์ผิว
ถ้าผนังเซลล์ผิวเต่งและสุขภาพดี ผิวเราจะดูชุ่มชื้นและสดชื่นมากขึ้น โอเมก้า 3 พบได้จากทั้งพืชและสัตว์ ที่พบมากได้แก่ แซลมอล,วอลนัท,เมล็ดแฟลกซ์,น้ำมันมะพร้าว,น้ำมันมะกอกและอะโวคาโด เป็นต้น
สาเหตุของการเกิดริ้วรอยอีกประการหนึ่งคือการลดลงของคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนัง ที่เกิดขึ้นตามอายุ กรดอะมิโนที่พบในแหล่งโปรตีนสามารถช่วยเสริมสร้างและซ่อมแซมร่างกาย พบมากในเนื้อสัตว์,ปลา,ไข่,เต้าหู้,ธัญพืชบางชนิด,ถั่วและเมล็ดพืช เป็นต้น
บล็อกโคลี,ผักโขมและผักกาด จะช่วยให้ผิวของคุณชุ่มชื้นและสุขภาพดี น้ำผลไม้สีเขียวก็เป็นวิธีง่ายๆ ที่จะทำให้สารอาหารซึบซับเข้าสู่ร่างกายอย่างรวดเร็ว
การออกแดดมากเกินไปเป็นสาเหตุของริ้วรอย ดวงอาทิตย์จะสร้างอนุมูลอิสระซึ่งสามารถฆ่าเซลล์ผิว อย่างถาวร แต่ไม่เฉพาะกับแสงแดดเท่านั้น อาหารบางอย่างก็สามารถทำได้เช่นกัน
อาหารที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่มี แคโรทีนอยด์อย่างมะเขือเทศ,แครอทและฟักทอง จะช่วยปกป้องผิว และช่วยฟื้นฟูความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผิวได้บางส่วน
ถ้าหากคุณมีรอยคล้ำใต้ดวงตา มันอาจจะเกิดจากพันธุกรรมได้ หรือบางครั้งมันก็อาจจะมาจากการ มีผิวบวมน้ำ (water retention) หรือ จากอาหารที่มีโซเดียมสูง
มีผลไม้และผักหลายชนิดตลอดจนมะเขือเทศ,ถั่ว,เนื้อ,สัตว์ปีกและปลาที่มีโพแทสเซียมสูง และมันช่วยชดเชยโซเดียมได้ การลดการทานเกลือก็เป็นวิธีที่ดีในการดูแลผิวและสุขภาพ โดยรวมของคุณได้อีกวิธี
โปรไบโอติกส์คือชื่อเรียกแบคทีเรียชนิดมีประโยชน์ ซึ่งอยู่ในกระเพาะอาหารและลำไส้ ทำหน้าที่ต่อสู้แบคทีเรียชนิดมีโทษ ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการเจ็บป่วยเกี่ยวกับการย่อยอาหาร และยังช่วยให้ผิวดูมีสุขภาพดี เราหาได้จาก กระหล่ำปลีดอง,คีเฟอร์,กิมจิ,และผักดองชนิดอื่นๆ
1 กรดไขมันโอเมก้า
ถ้าผนังเซลล์ผิวเต่งและสุขภาพดี ผิวเราจะดูชุ่มชื้นและสดชื่นมากขึ้น โอเมก้า 3 พบได้จากทั้งพืชและสัตว์ ที่พบมากได้แก่ แซลมอล,วอลนัท,เมล็ดแฟลกซ์,น้ำมันมะพร้าว,น้ำมันมะกอกและอะโวคาโด เป็นต้น
2 กรดอะมิโน
3 ผักใบเขียว
4 Antioxidants
อาหารที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่มี แคโรทีนอยด์อย่างมะเขือเทศ,แครอทและฟักทอง จะช่วยปกป้องผิว และช่วยฟื้นฟูความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผิวได้บางส่วน
5 อาหารที่อุดมไปด้วยโพแทสเซียม
มีผลไม้และผักหลายชนิดตลอดจนมะเขือเทศ,ถั่ว,เนื้อ,สัตว์ปีกและปลาที่มีโพแทสเซียมสูง และมันช่วยชดเชยโซเดียมได้ การลดการทานเกลือก็เป็นวิธีที่ดีในการดูแลผิวและสุขภาพ โดยรวมของคุณได้อีกวิธี
6 อาหารหมัก
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)